
ไมโครพลาสติก อนุภาคเล็กแต่ผลกระทบใหญ่
ไมโครพลาสติกอาจมีขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผลกระทบกลับใหญ่โตเกินคาด และในชีวิตประจำวันเราอาจสัมผัสหรือรับอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรนี้โดยไม่รู้ตัว ทั้งจากอาหาร น้ำดื่ม อากาศที่หายใจ หรือแม้แต่ครีมขัดผิวที่ใช้ในห้องน้ำ
สิ่งที่น่ากังวลคือ ไมโครพลาสติกไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวโดยที่เราไม่ทันระวังตัว โดยอนุภาคเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ตั้งแต่การรับประทานอาหารทะเลหรือผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อน การดื่มน้ำบรรจุขวดที่ไม่มีการกรองอย่างเหมาะสม การสูดดมเส้นใยจากผ้าหรือฝุ่นพลาสติกในอากาศ หรือแม้แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีไมโครบีดส์ แม้การซึมผ่านทางผิวหนังจะน้อยที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ศูนย์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ไมโครพลาสติกอาจสะสมในระบบย่อยอาหาร ปอด หรือแม้แต่ไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือด และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ มักพ่วงมากับสารเคมีอันตรายอย่าง BPA และพทาเลต ซึ่งมีศักยภาพในการรบกวนระบบฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ
หลายคนอาจคิดว่าไมโครพลาสติกเป็นปัญหาของประเทศอุตสาหกรรมหรือเมืองใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วแม้แต่ในธรรมชาติของไทยเองก็พบการปนเปื้อน งานวิจัยในบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ พบอนุภาคไมโครพลาสติกในน้ำผิวดินและปลาบางชนิด ขณะที่ชายหาดภูเก็ตก็มีไมโครพลาสติกแทรกอยู่ในตะกอนทราย แสดงให้เห็นว่าไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบนิเวศได้อย่างเงียบเชียบ และในท้ายที่สุดก็มาสู่จานอาหารของเรานั่นเอง
โดยทั่วไปไมโครพลาสติกแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก กลุ่มแรกคือไมโครพลาสติกที่ถูกผลิตมาให้มีขนาดเล็กตั้งแต่ต้น เช่น เม็ดบีดส์ในผลิตภัณฑ์สครับหน้า หรือเส้นใยจากเสื้อผ้าสังเคราะห์ ส่วนอีกกลุ่มเกิดจากการเสื่อมสลายของขยะพลาสติก เช่น ถุง ขวด หรืออวนตกปลา เมื่อโดนแสงแดดและกระบวนการทางธรรมชาติจะค่อยๆ แตกตัวกลายเป็นเศษชิ้นเล็กๆ ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างไม่รู้ตัว
ผลกระทบต่อสุขภาพจากไมโครพลาสติกนั้นยังมีอีกหลายด้าน ในระยะสั้น บางคนอาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือระคายเคืองในระบบย่อยอาหาร ขณะที่การสูดดมเส้นใยพลาสติกในอากาศอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หอบหืด หรือผื่นคัน ในบางกรณี ร่างกายอาจเกิดการอักเสบภายในโดยที่เราไม่รู้ตัว และเมื่ออนุภาคสะสมมากขึ้น ก็อาจส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารในลำไส้ และสร้างปัญหาเรื้อรังตามมา
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือผลกระทบในระยะยาว เพราะไมโครพลาสติกสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและเดินทางไปยังอวัยวะต่างๆ อย่างตับ ไต หรือแม้แต่สมอง เมื่อสะสมในระดับสูง อาจก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด หรือมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังอาจกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ เช่น ลดจำนวนอสุจิในผู้ชาย ทำให้มีบุตรยาก หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ของผู้หญิง และไมโครพลาสติกยังมีแนวโน้มกระทบต่อระบบประสาท เพราะสารเคมีบางชนิดที่แฝงอยู่ในอนุภาคเหล่านี้สามารถรบกวนการทำงานของสมอง เพิ่มความเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ หรือภาวะความจำเสื่อมที่เราอาจคิดว่าเป็นแค่ผลของความเครียด ทั้งที่ต้นเหตุอาจอยู่ลึกกว่านั้น มีงานวิจัยบางส่วนยังชี้ว่าไมโครพลาสติกอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เพราะทำให้หลอดเลือดอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงหรือหลอดเลือดตีบ
แม้ปัญหานี้จะดูน่ากังวล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางรับมือ ประเทศไทยเริ่มต้นด้วยการประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกตั้งแต่ปี 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมมลพิษ และในระดับนานาชาติก็มีการเรียกร้องให้มีมาตรการจัดการร่วมกัน เพราะมีหลักฐานแล้วว่าสัตว์ทะเลและสิ่งมีชีวิตมากกว่า 1,300 สายพันธุ์พบว่ามีไมโครพลาสติกสะสมอยู่ในร่างกาย
ในระดับบุคคล เราเองก็สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว หันมาใช้ขวดน้ำสแตนเลส ถุงผ้า หรือกล่องข้าวแทนพลาสติก เลือกอาหารและเครื่องดื่มจากแหล่งที่สะอาด เช่น น้ำกรองคุณภาพดี ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีไมโครบีดส์ โดยสังเกตคำว่า polyethylene หรือ polypropylene บนฉลากผลิตภัณฑ์
การเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติแทนใยสังเคราะห์ก็ช่วยลดเส้นใยพลาสติกที่หลุดร่วงลงแม่น้ำในระหว่างซัก และหากจำเป็นต้องซักผ้าใยสังเคราะห์ ก็ควรใช้ถุงกรองไมโครไฟเบอร์เพื่อลดการปล่อยเส้นใยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
พึงระลึกเสมอว่า แม้ไมโครพลาสติกจะเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้ยากในยุคปัจจุบัน แต่เรายังสามารถเลือกที่จะลดปริมาณที่เข้าสู่ร่างกายได้ ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เราทำในวันนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสุขภาพของเราเอง แต่ยังเป็นการลงมือดูแลโลกใบนี้ให้ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไปด้วยเช่นกัน